- Passorn
Sueyunyongsiri*
- *Departments
of Internal Medicine, Surin Hospital, Surin, Thailand
Abstract
Background: A decreased
life-span of erythrocytes is associated with lower concentration of hemoglobin A1c. This research aims to study effect of
hemoglobin E disorder on hemoglobin A1c ( HbA1c ) level of diabetic patients in Surin hospital.
Methods: A retrospective study was
conducted from 2006 to 2009.Patient’s profile, blood
glucose and HbA1c
levelwere collected and divided in
hemoglobin E heterozygous, homozygous group and control group. Each sample arm
was classified into eight subgroups according to blood glucose level to compare
HbA1c level in each subgroup.
Results: During 2006-2009, 55 diabetic patients with hemoglobin E disorder were found
from overall 43 negative DCIP diabetic patients. There is no difference of sex, average age, duration of
disease and blood glucose between hemoglobin E disorders and control group. Patients with hemoglobin E homozygous group had lower HbA1c level than those of control group (P<0.05). But no different in hemoglobin E heterozygous
group(P>0.05)
Conclusion: Since HbA1c levels is presently the best
indicator of long term glycemic control. With similar fasting glucose,
hemoglobin E disorder is associated with lower HbA1c
level.
Key words: Diabetes mellitus, Hemoglobinopathy, Hemoglobin A1c ( HbA1c )
Full paper: Medical Journal of Srisaket Surin Buriram Hospitals; Vol.23 No.2 May-August 2008;637-643.
บทคัดย่อ ปัจจัยทางด้านฮีโมโกลบินผิดปกติชนิด
อี ที่มีผลต่อการวัดระดับน้ำตาลสะสมในผู้ป่วยเบาหวาน
ภัสสร สื่อยรรยงศิริ*
*กลุ่มงานอายุรกรรม
โรงพยาบาลสุรินทร์จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย
บทนำ จุดมุ่งหมายของการศึกษาเพื่อทำการศึกษาผลของฮีโมโกลบินผิดปกติชนิด
อี ต่อการแปลผลระดับน้ำตาลสะสมในผู้ป่วยเบาหวานในโรงพยาบาลสุรินทร์
วิธีการศึกษา ผู้วิจัยศึกษาโดยการเก็บรวบรวมผลการตรวจเลือด
จากผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งได้รับการตรวจเลือดตั้งแต่ ปี พ.ศ.2549-2550 เปรียบเทียบระหว่างผู้ป่วยที่มีฮีโมโกลบินผิดปกติชนิดอีกับผู้ป่วยเบาหวานอื่นๆ
แยกเป็น 7 กลุ่มตามระดับน้ำตาลในเลือด; ควบคุมน้ำตาลได้ดี
3 กลุ่ม (ระดับน้ำตาลน้อยกว่า 99 , 100-109, 110-126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร) ; ควบคุมน้ำตาลได้ปานกลาง
1 กลุ่ม (ระดับน้ำตาล 127-139 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ) ;หรือควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี 3 กลุ่ม (ระดับน้ำตาล
140-199, 200-239 , >240 มิลลิกรัม/เดซิลิตร) โดยเปรียบเทียบกับระดับน้ำตาลสะสมในแต่ละกลุ่ม
ผลการศึกษา
ในช่วงระหว่าง
ปี พ.ศ. 2549-2550 ผู้ป่วยเบาหวาน 910 ราย
อายุ 11-93 ปี มีผู้ป่วยเบาหวานที่มีฮีโมโกลบินผิดปกติ
ชนิด อี 28 ราย เจาะเลือด 44 ครั้ง
เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม 882 ราย เจาะเลือด 958 ครั้ง
ทั้งสองกลุ่มไม่มีความแตกต่างกันในค่าเฉลี่ยของอายุ เพศและระดับน้ำตาลในเลือด
แต่ระดับน้ำตาลสะสมในผู้ป่วยที่มีฮีโมโกลบินผิดปกติชนิดอีต่ำกว่าผู้ป่วยเบาหวานทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(P < 0.001)
สรุป
ปัจจุบันระดับน้ำตาลสะสมสามารถบ่งบอกประสิทธิภาพการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
การแปลผลระดับน้ำตาลสะสมในผู้ป่วยเบาหวานทั่วไปและผู้ป่วยที่มีฮีโมโกลบินผิดปกติชนิดอี
ที่ระดับน้ำตาลเท่ากัน
ผู้ป่วยที่มีฮีโมโกลบินผิดปกติชนิดอีจะมีระดับน้ำตาลสะสมน้อยกว่า
คำสำคัญ โรคเบาหวาน, ฮีโมโกลบินผิดปกติ, ฮีโมโกลบินสะสม
(HbA1c )
เอกสารฉบับเต็ม: วารสารการแพทย์โรงพยาบาล ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ปีที่ 23 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2551; หน้า 637-643
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น