เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานเป็นระยะเวลายาวนาน มีความปลอดภัยสูง ราคาไม่แพง ในระยะยาวมีการวิจัยสนับสนุนมากมายว่า ช่วยให้ผู้ป่วยอายุยืนยาว ลดการเกิดโรคแทรกซ้อน ช่วยลดน้ำหนัก ช่วยชลอการเสื่อมของไต ชลอการเสื่อมของหลอดเลือดต่างๆ แต่อย่างไรก็ดี การที่ต้องจดทะเบียนเป็นยาเนื่องจาก ถ้ามีการใช้ที่ไม่เหมาะสมอาจจะทำให้เกิดพิษที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะถ้าผู้ป่วยไม่มีความระมัดระวัง อาจจะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ข้อที่ 1 ห้ามดื่มสุราถ้ามีการใช้ยานี้ เพราะจะทำให้เลือดเป็นกรดได้ง่าย
ข้อที่ 2 ไม่สามารถใช้ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานตั้งแต่อายุน้อยๆ ไม่อ้วน ใช้ยาชนิดเม็ดไม่ได้ผล
ข้อที่ 3 มีข้อมูลน้อยมากในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร จึงไม่แนะนำให้ใช้ยาชนิดนี้ขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ข้อที่ 4 ควรระมัดระวังในการใช้ร่วมกับยาชนิดอื่นๆ เช่น ยาชุด ยากลุ่มยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบชนิดเอนเสด(NSAID) เพราะอาจจะทำให้การทำงานของไตลดลง ทำให้ยาเกิดเป็นพิษรุนแรง เกิดภาวะเลือดเป็นกรดได้
ข้อที่ 5 ควรระมัดระวังในการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุที่การทำงานของไตเริ่มลดลง ยาจะเป็นพิษได้ ดังนั้นถ้าการทำงานของไตลดลงมากกว่า 45% แพทย์อาจจะพิจารณาให้หยุดยาชนิดนี้
ข้อที่ 6 ผู้ป่วยที่มีโรคไตวายระยะที่ 4 ขึ้นไปต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่องดยาชนิดนี้ หรือถ้าการทำงานของไตลดลง มีไตวายระยะที่ 3 ต้องมีการติดตาม ระมัดระวังการใช้ยามากขึ้น
ข้อที่ 7 ผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายเฉียบพลัน การทำงานของไตลดลงอย่างรวดเร็ว ต้องงดยานี้ทันที จะรู้ได้อย่างไรว่าไตทำงานลดลงทันที ประกอบด้วย ปัสสาวะออกน้อย คลื่นไส้อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้ ปวดท้อง ท้องเสีย
ยาชนิดนี้เป็นยาสมุนไพรทำมาจากพืช นักวิทยาศาสตร์ค้นพบตั้งแต่ปี1922 เริ่มใช้ครั้งแรกในยุโรป อ้างอิงข้อมูลจาก Wikipedia.org
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/06/Galega_officinalis1UME.jpg/220px-Galega_officinalis1UME.jpg
จากการที่เป็นยาสมุนไพร กลไกการรักษาโรคเบาหวานจึงไม่ชัดเจน แต่มีการใช้มาเป็นเวลานาน มีความปลอดภัยสูง ช่วยชลอ การเสื่อมของไต ชลอการเสื่อมของหลอดเลือดเล็กๆที่ตาและที่เท้า ผู้ป่วยหลายๆคนกังวลว่าการกินยาเป็นเวลานานๆ ทำให้ ไตและตับแย่ลง ความจริงแล้วมีการพิสูจน์แน่นอนแล้วว่าน้ำตาลที่สูงในเลือดเป็นเวลานานๆ ทำให้เส้นเลือดเสื่อมลงทั้งที่ตา ไตและเท้าเสื่อมลง ยามาช่วยทำให้อายุยืนยาว ตา ไต หัวใจเสื่อมช้าลง อายุยืนยาวขึ้น เมื่ออายุผู้ป่วยยืนยาวขึ้นก็จะมีความเสื่อมของอวัยวะต่างๆไปตามวัย เมื่อไตและตับเริ่มเสื่อมลง ยาจึงเกิดพิษได้
จึงเกิดคำถามขึ้นว่า ยามีผลข้างเคียงมากมายแล้วคุณหมอจ่ายให้ทำไม ทำไมไม่จ่ายยาดีๆไม่มีผลข้างเคียงให้ คำตอบคือยานี้ คือยาที่ดีที่สุดแล้วในกลุ่มยาลดระดับน้ำตาลทั้งหมด ซึ่งมีไม่กี่กลุ่ม ยา กลุ่มอื่นก็จะมีผลข้างเคียงแบบอื่นๆ ดังนั้นการไม่ป่วยจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การดูแลสุขภาพตนเอง ลดอาหารหวาน มันเค็ม ออกกำลังกายวันละ 20-30นาที ทานผักทานปลามากขึ้น แต่บางครั้งกรรมพันธู์ก็เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าน้ำตาลสูงมากกว่า 140 มก.% การควบคุมด้วยการคุมอาหาร และออกกำลังกายคงไม่เพียงพอ ยาจึงเข้ามาช่วย การคุมน้ำตาลให้ได้ในช่วง 3-6 เดือนแรกคือนาทีทอง ในการป้องกันโรคแทรกซ้อน ใช้ยาน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ถ้าปรับพฤติกรรมได้ น้ำตาลลดลงแล้วค่อยลดยาลง ขอให้ผู้ป่วยเบาหวานทุกท่านได้ใช้ชีวิตให้มีความสุข
ข้อมูลเพิ่มเติม https://en.wikipedia.org/wiki/Metformin
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น